ชนาธิป สรงกระสินธ์
สิบตำรวจตรี ชนาธิป สรงกระสินธ์ (ชื่อเล่น: เจ) หรือเป็นที่รู้จักกันในฉายา เมสซีเจ เกิดวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2536 เป็นนักฟุตบอลชาวไทย ปัจจุบันเล่นให้กับ บีอีซี เทโรศาสน ใน ไทยพรีเมียร์ลีก
ชนาธิปเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของทีมชาติไทย ที่ วินเฟรด เชเฟอร์ เรียกตัวเข้าไปในการแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 โดยได้ตำแหน่งรองแชมป์ และเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ได้เหรียญทองในซีเกมส์ 2013 ที่ประเทศพม่า รวมถึงได้อันดับ 4 การแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2014 ที่ประเทศเกาหลีใต้ และเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดคว้าแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014
ประวัติ
ชนาธิป สรงกระสินธ์ เกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2536 ที่ตลาดสามพราน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม[1] บิดาชื่อ ก้องภพ สรงกระสินธ์[2] เป็นผู้ที่สอนให้เขาเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุได้ 4 ขวบ และเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในขณะอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร และย้ายมาศึกษาต่อที่โรงเรียนเพ็ญสมิทธิ์ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังจบชั้นประถม ชนาธิปกลับจังหวัดนครปฐมเพื่อเข้ารับการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนสามพรานวิทยา ในช่วงนี้เขาได้เล่นฟุตบอลเดินสายกับทีม ซีแอล ไฮสปีด ทีมฟุตบอลเดินสายชื่อดังในจังหวัดนครปฐม ร่วมกับรัชพล นาวันโน ที่ภายหลังกลายเป็นนักเตะทีมชาติไทยอีกคนหนึ่ง
หลังจบชั้น ม.ต้น ชนาธิปจึงย้ายมาศึกษาต่อที่วิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยการราชดำเนิน (สาขาการตลาด) และเล่นฟุตบอลให้สถาบันไปด้วย โดยช่วยให้สถาบันของเขาครองถ้วยพระราชทาน โดยได้แชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา 18 ปี ประเภท ก. ในเดือน มกราคม ปี 2554
ปัจจุบันชนาธิป สรงกระสินธ์ ศึกษาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ฟุตบอลสโมสรบีอีซี เทโรศาสนฤดูกาล 2554
ในสมัยที่ชนาธิป ยังเล่นฟุตบอลระดับนักเรียน เขาเคยถูกสโมสรทีโอที เอฟซี ปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาด้วยเพราะรูปร่างเล็กเกินไป ไม่เหมาะจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก่อนที่จะเป็นสโมสรบีอีซี เทโรศาสน ที่นำตัวเขามาร่วมทีมชุดเยาวชนของสโมสร โดยให้ค่าแรงเดือนละ 10,000 บาท
ชนาธิป อยู่ในทีมชุดเยาวชน U-19 ของสโมสรภายใต้การคุมทีมของแอนดรูว์ ออร์ด โค้ชทีมเยาวชนชาวออสเตรเลีย และสามารถพาทีมเยาวชนของสโมสรคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ 2011 ได้สำเร็จ โดยในนัดชิงชนะเลิศ วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ที่สนามศุภชลาศัย เขาสามารถพาสโมสรเอาชนะทีมเยาวชน U-19 ของสโมสรบุรีรัมย์-พีอีเอ ไปได้ 5-2 และได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังจบเกมส์
ด้วยผลงานที่ดีในทีมเยาวชนของบีอีซี เทโรศาสน ทำให้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 เขาถูกสมชาย ชวยบุญชุม โค้ชทีมชาติชุดเยาวชนในขณะนั้น เรียกติดทีมชาติไทยชุดเยาวชน 19 ปี แข่งขันรายการชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย 2012 ในรอบคัดเลือก โดยทีมชาติไทยได้แชมป์กลุ่มได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในปีหน้า โดยในรอบคัดเลือกนี้ชนาธิป ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงและยิงประตูให้ทีมชาติไทยชุดเยาวชนอายุ 19 ปีได้ 1 ลูก ในเกมส์ที่ถล่มเยาวชนทีมชาติเกาะกวมไปถึง 13-0 ที่สนามเทพหัสดิน
ฤดูกาล 2555[แก้]
หลังจากแอนดรูว์ ออร์ด โค้ชทีมเยาวชนสามารถคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ 2011 ได้ สโมสรก็ได้แต่งตั้งให้เลื่อนขึ้นมาคุมทีมชุดใหญ่ และแอนดรูว์ ออร์ด ก็นำชนาธิป ที่เคยเล่นในทีมชุดเยาวชนภายใต้การคุมทีมของเขามาอยู่ในทีมชุดใหญ่ด้วย โดยได้รับเบอร์เสื้อหมายเลข 18
ชนาธิป ได้รับโอกาสลงเล่นให้กับต้นสังกัดเป็นครั้งแรก ในเกมส์นัดเปิดสนามไทยพรีเมียร์ลีก 2555 วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 ที่ทีมของเขาต้องออกไปเยือนสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ที่สนามยามาฮ่า สเตเดี้ยม โดยชนาธิป ลงเล่นเป็นตัวจริงแต่ทีมของเขาแพ้ไป 2-1 และมายิงประตูแรกได้ในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ในนัดที่ บีอีซี เทโรศาสน ออกไปเยือนสโมสร การท่าเรือไทย เอฟซี ที่สนามแพทสเตเดี้ยม ซึ่งเขาถูกเปลี่ยนลงมาแทนจักรกริช บุญคำ ในครึ่งหลัง โดยในการแข่งขันนัดดังกล่าวเขาทำผลงานให้เป็นที่จดจำของแฟนบอล ด้วยการถูกส่งลงมาในฐานะตัวสำรองแล้วยิงคนเดียว 2 ประตู โดยลูกที่ 2 เป็นการกระชากด้วยความเร็วกว่าครึ่งสนามก่อนจะล็อกหลบวัลลภ แซ่จิ๋ว นายประตูเจ้าบ้านแล้วค่อยๆเลี้ยงบอลผ่านเส้นประตูเข้าไปอย่างเหนือชั้น ทำให้สโมสรบุกมาชนะการท่าเรือถึงถิ่น 2-0
ด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม ทำให้ชนาธิป ยึดตำแหน่งภายในทีมได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ขึ้นมาจากทีมเยาวชน โดยในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เขาได้ลงสนามในรายการโตโยต้า ลีกคัพ 2555 ในรอบ 32 ทีมสุดท้ายซึ่งเป็นการลงเล่นรายการนี้เป็นนัดแรกของเขา ในเกมส์นัดดังกล่าวทีมของเขาต้องออกไปเยือนสโมสรลำพูน วอร์ริเออร์ ที่สนามแม่กวง สเตเดี้ยม และเขาก็ช่วยให้ทีมชนะ 2-1 ต่อมาในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เขายิงได้อีก 1 ประตูในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีก ที่บีอีซี เทโรศาสน ต้องออกไปเยือนสโมสรวัวชน ยูไนเต็ด ที่สนามติณสูลานนท์ จ.สงขลา โดยเขายิงประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่ทีมของเขาจะชนะเจ้าบ้านไป 2-1
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้ลงเล่นฟุตบอลชิงถ้วยไทยคม เอฟเอคัพ เป็นครั้งแรก โดยเป็นเกมส์รอบ 32 ทีมสุดท้าย ที่สโมสรต้องออกไปเยือนพัทยา ยูไนเต็ด ที่สนามกีฬาเทศบาลหนองปรือ โดยเขาเป็นคนเปิดให้กิลเบิร์ต คุมสัน ยิงประตูชัยให้บีอีซี บุกมาชนะ 1-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย และต่อมาในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ระหว่างสโมสรฟุตบอลบีบีซียู พบบีอีซี เทโรศาสน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ชนาธิป ยิงให้ทีมขึ้นนำ 2-1 ก่อนจะจบลงด้วยผลเสมอ 2-2
ชนาธิปได้ลงสนามในฤดูกาลนี้รวม 33 นัด (ไทยพรีเมียร์ลีก 28 นัด,โตโยต้า ลีกคัพ 3 นัด,เอฟเอ คัพ 2 นัด) ยิงในไทยพรีเมียร์ลีกได้ 4 ประตู และบีอีซี เทโรศาสน จบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 จากผลงานและลีลาการเล่นในฤดูกาลนี้ทำให้ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้เล่นให้ทีมชาติไทยชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี ไปแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียรอบสุดท้าย ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังจากเคยเล่นในรอบคัดเลือกเมื่อปีที่แล้ว และติดทีมชาติชุดใหญ่ไปแข่งขันซูซูกิ คัพ 2012
ฤดูกาล 2556
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 ชนาธิป ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ในการแข่งขันฟุตบอลคิงสคัพ ครั้งที่ 42 และได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแต่ทำได้เพียงแค่คว้าอันดับ 3 ร่วมกับทีมชาติเกาหลีเหนือ
ในฤดูกาลนี้สโมสรเปลี่ยนแปลงโค้ชเป็นสเตฟาเน่ เด โมล และชนาธิป เริ่มต้นฤดูกาล 2556 ในเกมส์ที่บีอีซี เทโรศาสน บุกไปชนะราชบุรี มิตรผล เอฟซี 1-0 ที่สนามกีฬาจังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 10 มีนาคม โดยเป็นตัวสำรองและถูกส่งลงมาแทนคลีตัน ซิลวา ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมส์
การยิงประตูแรกในฤดูกาลนี้ของเขาเกิดขึ้นในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกที่เสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-1 ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมายิงตีเสมอให้กับทีม ซึ่งประตูที่เขายิงได้ในนัดนี้ถือเป็นประตูแรกที่เขายิงได้ต่อหน้าแฟนบอลที่สนามเหย้าของสโมสร
ต่อมาวันที่ 18 สิงหาคม เขายิงในไทยพรีเมียร์ลีกได้อีก 1 ประตู โดยยิงให้บีอีซี เทโรศาสนตีเสมอบางกอกกล๊าส 1-1 ก่อนจะจบลงด้วยการบุกมาชนะ 3-2 ที่สนามลีโอ สเตเดี้ยม แต่ในช่วงท้ายเกมส์เขากลับถูกใบแดงไล่ออกจากสนามเพราะไปมีปัญหากับฟลาเวียง มิเชลินี่ และธีรเทพ วิโนทัยนักเตะของบางกอกกล๊าส โดยถือเป็นการได้ใบแดงครั้งแรกของเขาในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ
วันที่ 27 ตุลาคม เขายิงได้ 1 ประตูในเกมส์เปิดบ้านเสมอเมืองทอง ยูไนเต็ด 2-2 ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
จบฤดูกาลชนาธิปลงสนาม 28 นัด (ไทยพรีเมียร์ลีก 26 นัด ,เอฟเอคัพ 1 นัด ,ลีกคัพ 1 นัด) ยิงในไทยพรีเมียร์ลีกได้ 3 ประตู พาบีอีซี เทโรศาสนต้นสังกัดคว้าอันดับ 6 ในลีก และถูกเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกติดทีมชาติชุดอายุไม่เกิน 23 ปี แข่งขันในกีฬาซีเกมส์ ที่ประเทศพม่าในเดือนธันวาคม
ฤดูกาล 2557
ในช่วงต้นฤดูกาล ชนาธิปต้องพลาดโอกาสในการลงสนาม เนื่องจากได้รับบาดเจ็บกระดูกหน้าแข้งหักจากการลงเล่นให้ทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในกีฬาซีเกมส์ เมื่อปลายปีก่อน และมาได้ลงสนามนัดแรกในฤดูกาลนี้ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ในเกมส์ที่เปิดบ้านเสมอกับสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด 1-1 โดยเป็นตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงมาเล่นในช่วง 20 นาทีสุดท้าย
วันที่ 22 มิถุนายน ชนาธิป ยิงประตูแรกในฤดูกาลนี้ และช่วยให้บีอีซี เทโรศาสนเปิดบ้านเสมอกับเชียงราย ยูไนเต็ด 1-1 ในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีก และนัดต่อมา วันที่ 25 มิถุนายน เขายิงให้ทีมขึ้นนำ 1-0 และจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้อีก 1 ลูก ในเกมส์ที่เอาชนะสมุทรสงคราม 2-0 ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของบีอีซี เทโรศาสน และในเกมส์ระหว่างบีอีซี เทโรศาสน เปิดบ้านพบอาร์มี่ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม เขายิงไกลเป็นประตูชัยให้บีอีซี ชนะ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 2-0 โดยประตูดังกล่าวเป็นประตูที่ 10 ที่ชนาธิปยิงให้บีอีซี เทโรศาสนในไทยพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของสโมสร
เดือนกันยายน ชนาธิป ถูกเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เรียกตัวติดทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ และพาทีมชาติคว้าอันดับสี่มาครอง
หลังจากกลับมาจากเอเชียนเกมส์ ชนาธิป ลงสนามให้บีอีซี เทโรศาสน ในเกมส์โตโยต้าลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดแชมป์เก่า ที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2557 และช่วยให้ทีมชนะบุรีรัมย์ไปได้ 2-0 และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ โดยเป็นแชมป์รายการแรกของเขากับบีอีซี เทโรศาสน
ในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล วันที่ 2 พฤศจิกายน ที่พบกับเชียงราย ยูไนเต็ด ชนาธิปยิงได้อีก 1 ประตู แต่จบเกมส์บีอีซีแพ้ไป 2-1 และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3
ฤดูกาล 2558
ชนาธิป เริ่มต้นฤดูกาลนี้ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก นัดที่เปิดบ้านเสมอกับเชียงราย ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์
สถิติฟุตบอลสโมสรสโมสร
ทีมชาติชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี
ชนาธิปลงเล่นในระดับชาติให้ทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก ในรายการฟุตบอลเยาวชนอายุ 19 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2012 ในรอบคัดเลือกที่ไทยเป็นเจ้าภาพภายใต้การคุมทีมของสมชาย ชวยบุญชุม โดยรอบคัดเลือกไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอี ร่วมกับทีมเยาวชนอายุ 19 ปีของเกาหลีใต้,ญี่ปุ่น,ไต้หวันและ กวม
ชนาธิป ลงสนามในนัดแรกของการแข่งขันรอบคัดเลือก วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ในเกมส์ที่ทีมชาติไทยชนะเกาหลีใต้ 1-0 ที่สนามเทพหัสดิน โดยถือเป็นการลงเล่นให้ทีมชาติไทยในระดับเยาวชนเป็นครั้งแรกของเจ้าตัวด้วย และมายิงได้ 1 ประตู ในเกมส์ถล่มทีมชาติกวม 13-0 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 โดยการแข่งขันในรอบคัดเลือก ชนาธิป สรงกระสินธ์ ทำผลงานกับทีมชาติไทยชุดอายุ 19 ปี ได้อย่างยอดเยี่ยมสามารถคว้าแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ ด้วยการชนะทีมชาติเกาหลีใต้ 1-0 ,ชนะไต้หวัน 1-0,ชนะกวม 13-0 และเสมอญี่ปุ่น 0-0 ได้เข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม
โดยในการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุ 19 ปีชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้ายที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไทยอยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับเกาหลีใต้, จีน และอิรัก ซึ่งการแข่งขันทั้ง 3 นัด จะแข่งที่สนามกีฬาฟูไจราห์ คลับ เมืองฟูไจราห์ โดยไทยลงแข่งขันนัดแรกกับทีมชาติจีน ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ชนาธิป สามารถผ่านบอลให้ วรนาถ ทองเครือ เข้าไปยิงประตูได้ และช่วยให้ทีมชาติไทยเอาชนะจีนไปได้ 2-1 ต่อมาในการแข่งขันกับเยาวชนทีมชาติเกาหลีใต้ วันที่ 5 พฤศจิกายน ไทยกลับแพ้ไป 1-2 และการแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม วันที่ 7 พฤศจิกายน ไทย แพ้ อิรักไป 0-3 ตกรอบในที่สุด
ชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี
เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2556 เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้เรียกชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ขณะนั้นเคยเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่มาแล้วในยุคของวินฟรีด เชเฟอร์ มาเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในแข่งขันซีเกมส์ 2013 ที่กรุงเนปยีดอ ประเทศพม่า
โดยชนาธิป ลงเล่นในซีเกมส์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2556 ในการแข่งขันนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มที่ทีมชาติไทย เอาชนะ ทีมชาติติมอร์-เลสเต ไป 3-1 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทน ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ในช่วง 25 นาทีสุดท้าย ซึ่งในการแข่งขันซีเกมส์ 2013 นี้ ชนาธิป รับบทบาทเป็นผู้เล่นตัวสำรองที่มักจะถูกส่งลงสนามเพื่อสร้างสรรค์เกมส์รุกในช่วงครึ่งหลังอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสามารถทำผลงานได้อย่างดี โดยได้เล่นเป็นตัวจริง 1 นัด ในเกมส์ที่เสมอกับทีมชาติกัมพูชา 0-0 และสามารถช่วยให้ทีมชาติไทยผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ในนัดชิงชนะเลิศกับทีมชาติอินโดนีเซีย ชนาธิป สรงกระสินธ์ ต้องพลาดโอกาสลงเล่นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าแข้ง แต่ทีมชาติไทยก็เอาชนะไปได้ 1-0 คว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จ
ทีมชาติชุดใหญ่
ชนาธิป ได้ลงสนามให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในการแข่งขันนัดอุ่นเครื่องกับทีมชาติภูฏาน เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังและทีมชาติไทยชนะไป 5-0
จากนั้นวินฟรีด เชเฟอร์ได้คัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นชุดเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 โดยชนาธิปเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดภายในทีม และได้ลงสนามในรายการนี้เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ที่ทีมชาติไทย พบกับทีมชาติเวียดนาม ในรอบแบ่งกลุ่ม โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาเล่นแทน ปิยพล บรรเทา ที่มีอาการบาดเจ็บ (จบเกมส์ไทยชนะ 3-1) จากนั้นเขามีโอกาสลงสนามอีกครั้งหนึ่งในนัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 พบกับทีมชาติสิงคโปร์ ชนาธิปมีโอกาสเลี้ยงกระชากหนีนักเตะสิงคโปร์และยิงประตูหนึ่งครั้ง แต่ไม่สำเร็จ และได้รองแชมป์ในที่สุด
ปีพ.ศ. 2556 ได้เล่นในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงสคัพ ครั้งที่ 42 ปี พ.ศ. 2556 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีทีมที่เข้าร่วมแข่งขันคือเกาหลีเหนือ,สวีเดน และฟินแลนด์
ในการแข่งขันนัดแรกที่ทีมชาติไทยพบทีมชาติฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ชนาธิป ลงเล่นเป็นตัวจริง แต่จบด้วยการแพ้ฟินแลนด์ 1-3 ทำให้ต้องชิงที่ 3 กับเกาหลีเหนือ โดยการแข่งขันนัดชิงที่ 3 วันที่ 26 มกราคม ชนาธิปลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้ง ก่อนจะเสมอกันไป 2-2 คว้าอันดับ 3 ร่วมไปครอง
ในการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือก ไทยอยู่ร่วมสายกับ อิหร่าน คูเวต และเลบานอน นัดแรก 6 กุมภาพันธ์ 2556 ไทยเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบกับ ทีมชาติคูเวต ชนาธิป มีชื่อเป็นตัวสำรองและได้ลงสนามแทนจักรพันธ์ พรใสในนาทีที่ 72 ถัดจากนั้น 3 นาที ชนาธิปสามารถทำประตูตีไข่แตกได้ และจบเกมส์ไทยเปิดบ้านแพ้คูเวตไป 1-3 โดยประตูดังกล่าวถือว่าประตูแรกของชนาธิป ในการเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่
ชนาธิป เป็นตัวหลักในยุคของซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือที่รับหน้าที่กุนซือขัดตาทัพสำหรับทีมชาติชุดใหญ่แทนวินฟรีด เชเฟอร์ โดยซิโก้ประเดิมคุมทีมชาติชุดใหญ่เมื่อ 15 มิถุนายน 2556 โดยได้นำนักเตะชุดซีเกมส์ 2013 ไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีน และชนะทีมชาติจีนคาบ้านถึง 1-5 โดยชนาธิปเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูด้วย
ในการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ชนาธิปเล่นได้อย่างโดดเด่น และเป็นผู้เล่นที่ถูกจับตามองในการแข่งขันครั้งนี้ ในนัดชิงชนะเลิศที่ ไทย พบกับ มาเลเซีย ทางมาเลเซียระบุว่าชนาธิปเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นของไทยที่ต้องระวัง (อีก 2 คน คือ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และ ชาริล ชับปุยส์) ในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 ที่ไทยเป็นฝ่ายแพ้ไป 3-2 แต่โดยผลการแข่งขันรวมแล้ว ไทยชนะไป 4-3 ชนาธิปเป็นผู้ยิงประตูที่ 2 ให้กับไทยได้ในนาทีที่ 86 จากลูกยิงนอกเขตโทษ ทำให้ไทยได้แชมป์รายการนี้ไปเป็นสมัยที่ 4 และเป็นแชมป์ครั้งแรกในรอบ 12 ปี นอกจากแล้ว ชนาธิป ยังได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมในรายการนี้ไปอีกด้วย[3]
เกียรติประวัติรางวัลระดับสโมสร
รางวัลระดับทีมชาติ
รางวัลส่วนตัว
ข้อมูลจาก
https://th.wikipedia.org
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น